เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา

     สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดทริปทดลองเที่ยว Amazing Truly South Train Chapter one “สัมผัสความงดงาม วิถีปักษ์ใต้ พัทลุง-สงขลา” ชมนก แลบัว ดูควายนำ้ นาริมเลที่ทะเลน้อย ตามรอย “หลวงปู่ทวด” เหยียบน้ำทะเลจืด มหัศจรรย์ 4 สมเด็จ แห่งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ระหว่างวันที่ 5-8 ธันวาคม 2567

    นายวันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลา เป็นประธานเปิดงาน Amazing Truly South Train Chapter one “สัมผัสความงดงาม วิถีปักษ์ใต้ พัทลุง-สงขลา” พร้อมด้วย นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง นายพิชิต ขันติพันธุ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพนางตุง อาจารย์ชัยวัฒนภัทร เลาสัตย์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาบริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา คุณวรินทร ทองพูน ประธานที่ปรึกษาสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) คุณชนินภรณ์ งามภักดิ์ พนักงานการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ คุณจิราวดี อ่อนวงศ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา และนายสมเกียรติ อำนวยสุวรรณ รองผู้จัดการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ร่วมต้อนรับ คณะนักท่องเที่ยวทริปทดลองเที่ยวโดยรถไฟจากกรุงเทพมหานคร รวม 160 คน พร้อมทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และผู้กำกับการตำรวจภูธรต่างๆ ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับคณะนักท่องเที่ยว

    นายวันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลา กล่าวว่า “ยินดีต้อนรับคณะนักท่องเที่ยว ทริปทดลองเที่ยว Amazing Truly South Train Chapter one “สัมผัสความงดงาม วิถีปักษ์ใต้ พัทลุง-สงขลา” ท่องเที่ยวโดยรถไฟจากกรุงเทพมหานคร รวม 160 คน โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่จัดทริปทดลองเที่ยวขึ้นมาในครั้งนี้

    ขอขอบคุณที่เลือกสงขลาเป็นหมุดหมายในการท่องเที่ยวในครั้งนี้ ทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลามีความคึกคัก กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ สงขลาเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางด้านวัฒนธรรม อย่างเช่นเช้าพรุ่งนี้นักท่องเที่ยวก็จะได้ไปตักบาตรพระสงฆ์ ที่ย่านชุมชนเมืองเก่าสงขลา กราบขอพรศาลหลักเมือง ที่รวมวัฒนธรรมไทยจีนเข้าด้วยกัน คือมีศาลเจ้าแบบจีนและศาลหลักเมืองอยู่ในที่เดียวกัน จากนั้นก็จะนั่งรถรางเที่ยวชมเมืองเก่า และที่พลาดไม่ได้ก็เป็น  วัดเขากุฏิ เกาะยอสงขลาที่นักท่องเที่ยวจะต้องมากราบขอพร ถ้าไม่มาก็เหมือนจะไม่ถึงสงขลา”

      นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) กล่าวว่า “ทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีทุกภาคส่วนที่มาร่วมงานในวันนี้ โดบเฉพาะอย่ายิ่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ที่เป็นแม่งานหลักในครั้งนี้ ซึ่งเราได้ร่วมกันประชุมว่างแผน กำหนดเส้นทาง จัดทำโปรแกรมท่องเที่ยว ลงสำรวจพื้นที่ ขึ้นลงกรุงเทพ – พัทลุง หลายครั้งมาก เพื่อยกระดับทำให้ทริปนี้ เป็นต้นแบบ มีมาตราฐานด้านการท่องเที่ยว ที่ปลอดภัย รักษ์สิ่งแวดล้อม และยั่งยืน 

   ทริปนี้นักท่องเที่ยวนั่งรถไฟขนวบตู้นอน จากกรุงเทพมหานครมาลงที่จังหวัดพัทลุง เราใช้รถตู้ทั้งหมด 20 คัน รับนักท่องเที่ยวจากสถานีรถไฟจังหวัดพัทลุง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวนั้นได้อย่างสะดวกไม่ต้องเดินไกล มีรถตำรวจนำขบวน เพื่อความสะดวกรวดเร็วปลอดภัยในการเดินทาง ถ้าเวลาคลาดเคลื่อนล่าช้าแล้วจะทริปก็จะรวนไปหมด นอกจากรถตำรวจนำขบวนแล้ว เราก็ยังมีรถพยาบาลปิดท้ายขบวนด้วย เพื่อความไม่ประมาท และรองรับสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น

      มีทีมไกด์ และสตาฟท์ ประจำรถตู้ประจำทุกคัน ทุกคนผ่านการอบรมจาก สธทท. มาเป็นอย่างดี ทีมไกด์ และสตาฟฟ์ มีการลงพื้นที่มาสำรวจเส้นทางด้วย ประชุมหลังจบทริปในแต่ละวัน และเตรียมความพร้อมในวันต่อไป เพื่อตอบสนองกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยว ที่จะได้รับการบริการที่มีความเป็นมืออาชีพ สะดวกสบาย ปลอดภัย เหมาะสมกับเงินที่เขาได้จ่ายไป กับการซื้อทัวร์มาเที่ยวในครั้งนี้” 

    อาจารย์ชัยวัฒนภัทร เลาสัตย์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาบริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา กล่าวว่า “ราชภัฎสงขลาได้ทำโครงการสัมผัสความงดงามวิถีปักษ์ใต้พัทลุง–สงขลาขึ้นมาโดย ร่วมกับ สธทท. และอีกหลายหน่วยงาน ก็เพื่อที่จะรักษามรดกทางวัฒนธรรมของปักษ์ใต้เอาไว้ และสืบต่อให้ลูกหลานรุ่นใหม่ต่อไป

       วัดเกาะใหญ่ วัดเก่าแก่ปักษ์ใต้

    อย่างเช่นที่วัดเกาะใหญ่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดสงขลา ถูกทิ้งรกร้างอยู่บนภูเขา เราก็ร่วมกับท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน พระครูวิจิตรสาธุรส ไปนำ โกศบรรจุ และอัฐิธาตุ ของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ รูปหล่อของพระครูสังวราภิราม (ตาหลวงวัฒ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่ ไปนำลงมาจากโบสถ์หลังเก่า มาประดิษฐานที่ศาลาหลังใหม่ด้านล่าง

     คณะนักท่องเที่ยวได้เข้าฟังบรรยาย ประวัติความเป็นมาของวัดเกาะใหญ่ จากปากท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เองเลย หลังจากฟังการบรรยายเสร็จ คณะนักท่องเที่ยวที่มาในครั้งนี้ ยังได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์อันบริสุทธิ์ของแต่ท่าน มอบให้กับท่านอาวาสไว้เพื่อเป็นทุนในการรักษา อนุรักษ์มรดกของชาติสืบต่อให้ลูกหลานรุ่นใหม่ต่อไป

        วัดเขากุฏิ เกาะยอ สงขลา

     ยังมีวัดกุฏิ เกาะยอ สงขลา ที่มีประวัติความเป็นมาร่วมกับ วัดเกาะใหญ่ มากว่าร้อยปี ตำนานเล่าว่าสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระผู้ใหญ่ 4 รูปได้เดินทางลงมาทางใต้ เพื่อมาเผยแผ่พุทธศาสนาได้แก่ สมเด็จเจ้าเกาะยอ จำวัดอยู่ที่เขาเพหาร ตำบลเกาะยอ เมืองสงขลา จังหวัดสงขลา สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ จำวัดอยู่ที่ ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธ์ จังหวัดสงขลา สมเด็จเจ้าพะโคะ จำวัดอยู่ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา สมเด็จเจ้าเพ็ญศรี จำวัดอยู่ที่จังหวัดพัทลุง ท่านได้ตกลงกันว่าในตอนเย็น จะก่อไฟส่งสัญญาณกัน ถ้าเห็นแสงไฟของแต่ละฝ่าย แสดงว่ายังคงเป็นปกติอยู่ ต่อมาไฟของสมเด็จเจ้าเกาะยอหายไป ชาวบ้านตำบลเกาะยอจึงขึ้นไปดู ปรากฎว่าไม่พบอะไรเลย จึงคิดว่าสมเด็จเกาะยอ มรณภาพไปแล้ว 

      ต่อมาคนในชุมชนจึงได้ร่วมกัน สร้างเจดีย์ และรูปปั้นของสมเด็จเจ้าเกาะยอ ไว้บนยอดเขากุฏิเพื่อแสดงความเคารพต่อท่านสมเด็จเกาะยอ วัดเขากุฏิ เกาะยอ นอกจากเป็นที่ตั้งองค์เจดีย์ของสมเด็จเกาะยอแล้วยังเป็นสถานปฏิบัติธรรม ภายในวัดร่มรื่น ปลอดโปร่ง เย็นสบาย เงียบสงบมาก มีจุดชมวิวทะเลสาบสงขลาแบบ 360 องศา 

          ชิมมะม่วงเบาแช่อิ่มชุมชนสตรีชุมชนตำบลหัวเขา

     ในส่วนของชุมชนเราก็ให้การสนับ ชุมชนสตรีชุมชนตำบลหัวเขา จากการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้าน โดยวิสาหกิจชุมชนสตรีชุมชนตำบลหัวเขา มีสมาชิกจำนวน 15 ราย ดำเนินกิจกรรมผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์จาก มะม่วงเบา ซึ่งมะม่วงเบาเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดสงขลา โดยมีผลิตภัณฑ์ของกลุ่มคือ มะม่วงเบาแช่อิ่ม มะม่วงเบาดองเกลือ น้ำมะม่วงเบาสดพร้อมดื่ม และผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมสีธรรมชาติจากใบขลู่ คราม และดินหัวเขาแดง ภายใต้แบรนด์ Singo มะม่วงเบา นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะทำชาจากเปลือกมะม่วงเบา สีย้อมผ้าจากเปลือกมะม่วงเบา ภายใต้หลัก BCG Model เพื่อความยั่งยืน

     การทริปทดลองเที่ยว สธทท. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาและภาคส่วนอื่นๆที่ร่วมกันจัดทริป ทดลองเที่ยว Amazing Truly South Train Chapter one สัมผัสความงดงาม วิถีปักษ์ใต้ พัทลุง-สงขลา กันขึ้นมาในครั้งนี้ นักท่องเที่ยวได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปากปะ ชมการเลี้ยงควายน้ำในทะเลน้อย แบบวิถีถิ่น เรียนรู้ และชมการแสดง โนรา และหนังตะลุง ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก การอนุรักษ์สมบัติโบราณของชาติ โกศบรรจุอัฐิธาตุของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ให้คงอยู่ มีส่วนในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงและสงขลา กระจายรายได้ลงสู่ชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้หมุนต่อไปได้ ถือเป็นผลสำเร็จอย่างมาก ส่งผลให้จะมีการจัด Amazing Truly South Train Chapter Two ขึ้นมาในปีหน้าอย่างแน่นอนครับ