www.สำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม.com

TEPA - Travel & Environment Press Agency

_PRA2617-S

 “นั่งรถไฟ KIHA183 ชวนเที่ยว สัมผัสมนต์เสน่ห์ปราจีนบูรพา สุขทันทีที่เที่ยวกับการรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม”

                เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา สำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม

       การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรีสมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (สสทท.) สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) บริษัทเมืองไทยครีเอทีฟแอนด์ทัวร์จำกัด และสำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม (สทส.) จัดกิจกรรม “นั่งรถไฟ KIHA183 ชวนเที่ยวสัมผัสมนต์เสน่ห์ปราจีนบูรพา สุขทันที ที่เที่ยวกับการรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม” กราบขอพรหลวงพ่อเพชร วัดแจ้ง ชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี สักการะท้าวเวสสุวรรณ วัดปทุมบูชา เยี่ยมชุมชนบ้านดงกระทงยาม ขอพรเจ้าแม่กวนอิม วิหารอี่ทงเทียนไท้ เที่ยวชม วัดโคกอู่ทอง ปลูกป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้ ร่วมกิจกรรม DIY ภูมิภูเบศร เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร     

          ลงทะเบียนรับป้ายคล้องคอ     

      นางวันดี เผื่อนอุดม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก พร้อมด้วยนายกัณตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมธุระกิจท่องเที่ยวในประเทศ (สธทท.) และอาจารย์เป็นหนึ่ง ร่วมต้อนรับคณะนักท่องเที่ยว  “นั่งรถไฟ KIHA183 ชวนเที่ยว สัมผัสมนต์เสน่ห์ปราจีนบูรพา สุขทันที ที่เที่ยวกับการรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม”

     นักท่องเที่ยวเดินทางมาลงทะเบียน และรับป้ายคล้องคอกันแต่เช้า ลงทะเบียนเรียบร้อยรับเครื่องดื่มร้อน ชา กาแฟ โอวันติน จากนั้นใครจะถ่ายรูปเช็คอินก่อนขึ้นรถไฟ เลือกถ่ายตามจุดต่างของสถานีรถไฟหัวลำโพงได้ตามใจ รถไฟ KIHA183 ออกเดินทางไปจังหวัดปราจีนบุรี ในเวลา 7.40 นาฬิกา

        ออกเดินทางสู่ สถานีรถไฟปราจีนบุรี

     หลังจาก รถไฟ KIHA183 เริ่มออกเดินทางได้สักพัก น้องๆ Staff ก็เริ่มให้บริการอาหารเช้า เมนูวันนี้มีให้เลือก 3 เมนู ข้าวหมูทอด ข้าวไก่ทอด เคียงมาด้วยไข่ต้มยางมะตูม พร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด อีก 1 เมนู เป็นข้าวราดผัดผัก ไข่เจียว เป็นเมนูสำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ เสิร์ฟพร้อมชาเขียว และน้ำเปล่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที รถไฟ KIHA183 ก็เดินทางมาถึง สถานีรถไฟปราจีนบุรี แล้วก็จะเปลี่ยนมาขึ้นรถบัส เพื่อเดินทางต่อไปที่วัดแจ้ง

         อาจารย์เป็นหนึ่งบรรยายบนรถไฟ KIHA183

     ในทริปนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เชิญ อาจารย์เป็นหนึ่ง ร่วมทริปมาด้วย ในธีม สุขทันที ที่เที่ยวกับการรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เมื่อรถไฟ KIHA183 เดินทางมาถึง สถานีรถไฟฉะเชิงเทรา อาจารย์เป็นหนึ่งก็เริ่มบรรยายให้นักท่องเที่ยวฟัง เรื่องเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยที่ดี ขอพรพระอย่างไร ให้โชคดี ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ เจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง และการทำบุญที่ถูกต้อง

           กราบขอพร หลวงพ่อเพชร วัดแจ้ง 

  วัดแจ้ง เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2391 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เดินทางกลับจากการสงครามที่ประเทศกัมพูชา พอมาถึงบริเวณที่วัดแจ้ง ก็สว่างพอดี ต่อมาก็ได้สร้างวัดขึ้นมา และได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่นำมาจากประเทศกัมพูชา มาประดิษฐานไว้ในอุโบสถ โดยให้นามว่า หลวงพ่อเพชร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน พระเนตรทั้งสองข้างบรรจุ  เพชรแท้น้ำงามขนาดใหญ่เท่าตาดำ เอาไว้เป็นพุทธบูชา

    รถบัสทั้ง 5 คันเดินทางมาถึงวัดแจ้ง ในเวลา 10.50 นาฬิกา คณะนักท่องเที่ยวเดินลงจากรถบัสก็เดินเข้ามาในวิหารหลวงพ่อเพชร เพื่อมากราบขอพรหลวงพรเพชรโดยมี อาจารย์เป็นหนึ่งเป็นเจ้าพิธีนำคณะนักท่องเที่ยวสวดมนต์ขอพรจากหลวงพ่อเพชร

       เยี่ยมชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี

    พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดง และรวบรวมโบราณวัตถุ  ศิลปะวัตถุ ที่ได้จากแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ของภูมิภาคตะวันออก และพื้นที่ใกล้เคียง แบ่งการจัดแสดงออกเป็นเรื่องต่างๆ ของประวัติศาสตร์ และชุมชนโบราณคดีภาคตะวันออก เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีในภาคตะวันออก จัดแสดง ทับหลังจากปราสาทเขาน้อยสีชมพู ทับหลังจากปราสาทสด๊กก็อกธม และจารึกที่พบจากปราสาททั้ง 2 หลัง พระคเณศ พระวิษณุจตุรภุช พระพุทธรูปปางสมาธิ รวมถึงเครื่องสำริดประกอบพิธีกรรม ที่มีจารึกภาษาเขมรกล่าวถึง พระเจ้าชัยวรมันที่ 7

     คณะนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี ก็แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเข้าห้องชมวิดีทัศน์เรื่อง “ร่องรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำบางปะกง และภูมิภาคตะวันออก” ส่วนกลุ่มที่ 2 แยกไปเข้าห้องจัดแสดง ทับหลังจากปราสาทเขาน้อยสีชมพู ทับหลังจากปราสาทสด๊กก็อกธม และไหว้ขอพร พระคเณศ โบราณ แกะสลักจากหินก้อนเดียวที่องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 

       สัมผัสวิถีพื้นถิ่น ชุมชนบ้านดงกระทงยาม 

    ชุมชนบ้านดงกระทงยาม ตั้งอยู่ที่ ตำบลดงกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เป็นชาวไทยพวน ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อ พ.ศ.2377 ในสมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้พระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ขณะยังมีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาราชสุภาวดี เป็นแม่ทัพยกไปปราบเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทร์แล้วอพยพไทยลาว ไทยพวนเข้ามาไว้ตามหัวเมืองต่าง ๆ

   กิจกรรมที่ชุมชนให้การต้อนรับคณะนักท่องเที่ยว เริ่มต้นด้วยการแช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพร ชมการแสดงศิลปะมวยไทยประยุกค์ จากนักเรียนโรงเรียนบ้านดงกระทงยาม ปิดป้ายด้วยการเลือกซื้อสินค้าพื้นถิ่น ที่คนในชุมชนมานำออกบู๊ทขาย เป็นการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนอย่างแท้จริง

       สักการะ ท้าวเวสสุวรรณ วัดปทุมบูชา

    วัดประทุมบูชาตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านทาม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี มีท้าวเวสสุวรรรณ สูง เมตร 12 เมตร องค์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง และภาคตะวันออก สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2524 ประดิษฐานอยู่บริเวณข้างพระอุโบสถ มีความเชื่อว่าท้างเวสสุวรรณ เป็นเจ้าแห่งยักษ์ และปีศาจ มีหน้าที่ควบคุมพวกยักษ์ มาร ปีศาจ ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้กับมวลมนุษย์ ผู้ที่มาบูชากราบไหว้ขอพร จะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทั้งปวง        

     นอกจากนี้ที่วัดประทุมบูชา ยังมี สมเด็จองค์ปฐมพระพุทธสิรินาถภูวดล หน้าตัก 16 เมตร สูง 21 เมตร และหลวงปู่ทวด หน้าตัก 4 เมตร สมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังษี หน้าตัก 4 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้ขอพรกราบบูชาอีกด้วย

        ขอพร เจ้าแม่กวนอิม วิหารอี่ทงเทียนไท้

    วิหารอี่ทงเทียนไท้ ตั้งอยู่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นวิหารสถาปัตยกรรมแบบจีนสมัยใหม่ ภายในวิหารประดิษฐาน องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม แกะสลักขึ้นจากหยกขาวชิ้นเดียวทั้งองค์ ที่ได้มาจากเมืองนับปีตรู ประเทศเมียนมา ฝีมือแกะสลักโดยช่างชาวจีน องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม มีความสูง 2.62 เมตร หนัก 2.8 ตัน ประดิษฐานอยู่บนดอกบัว รองด้วยฐานมังกร และอยู่บนฐานแปดเหลี่ยมอีกชั้นหนึ่ง

     เช้าวันที่ 2 หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย คณะนักท่องเที่ยวก็เดินทางมาที่ วิหารอี่ทงเทียนไท้ เพื่อมากราบขอพรแด่องค์เจ้าแม่กวนอิมถ่ายรูปหมู่ที่หน้าวิหารเรียบร้อย อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นเจ้าพิธี นำคณะนักท่องเที่ยวสวดมนต์ขอพรแด่องค์เจ้าแม่กวนอิม ให้ทุกคน มั่งมี ศรีสุข เงินทองไหลมาเทมา ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีสุขภาพแข็งแรง

          เที่ยวชม มณฑปหลวงปู่โสฬส ยโสธโร วัดโคกอู่ทอง 

      วัดโคกอู่ทอง ตั้งอยู่ที่ ตำบลโพธิ์งาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ภายในมี มณฑปหลวงปู่โสฬส ยโสธโรเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณาและเป็นผู้ยึดมั่นธำรงในพระศาสนา สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เก็บรักษา พระสรีระสังขารหลวงปู่โสฬส ยโสธโร สร้างในแบบสไตล์โรมัน เพิ่มให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ของจังหวัดปราจีนบุรีอีกแห่งด้วย 

       ภายในมณฑปมี พระสรีระสังขารหลวงปู่โสฬส ยโสธโร พระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้จากมูลนิธิ พระบรมธาตุในพระสังฆราชูปถัมภ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกประดับอยู่ในซุ้มดาวจักรวาล มีโดมเปลือยครอบไว้ และผูกด้วยลายเถาองุ่น พระพุทธรูปปางนาคปรก พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดับกระจกสเตนกลาส พระบรมสาทิสลักษณ์ขณะทรงผนวช ล้อมรอบด้วยเลข 5 พระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ประดับกระจกสเตนกลาส พระบรมสาทิสลักษณ์ขณะยังทรงผนวช ล้อมรอบด้วยเลข 9

         กิจกรรม ปลูกป่าป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้

    ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านพระ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเทือกเขาล้อมรอบ เต็มไปด้วยป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อน สามารถขึ้นมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า และพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น สวยงามทั้งสองบรรยากาศ

     ภายในป่านันทนาการฯ ยังมีพระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ ประดิษฐานอยู่ภายในเขตวนอุทยานเขาอีโต้ องค์พระพุทธรูปเป็นศิลปะสมัยทวาราวดี พระปางนาคปรก มีขนาดหน้าตัก กว้าง 14.9 เมตร ความสูง 34 เมตร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง และเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนปราจีนบุรีสร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 60 พรรษา

     เที่ยวชม มณฑปหลวงปู่โสฬสวัดโคกอู่ทองเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางต่อมาที่ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้เพื่อมาทำกิจกรรมปลูกป่า ด้วยการยิ่งเมล็ดพันธุ์ด้วยหนังสติก เป็นที่สนุกสนานของนักท่องเที่ยว ต่อด้วยการกระจายลงสู่ท้องถิ่น ต่อด้วยการช้อปสินค้าพื้นเมือง ที่คนในท้องถิ่นนำมาออกบู๊ทขาย กาแฟสดปราจีนบุรี เสื้อผ้าพื้นเมือง ขายดีกันทุกบู๊ท บางบู๊ทไม่หมดก็เหลือน้อย กระจายลงสู่ท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

        ร่วมกิจกรรม DIY ภูมิภูเบศร

       ภูมิภูเบศรตั้งอยู่ตำบลบางเดชะ อำเภอเมืองปราจีนบุรี เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต จัดกิจกรรมเรียนรู้การทำสมุนไพรด้วยตัวเอง ภายในจัดส่วนการแสดงออกเป็น 3 โซน พิพิธภัณฑ์หมอไทย โดยใช้หลักแนวคิด “บ้านเป็นยา” ที่สร้างความสมดุลให้กับธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย สวนสมุนไพร มีการจัดสมุนไพรตามกลุ่มอาการของโรค สมุนไพรให้สี และสมุนไพรสีดำที่เชื่อว่าจะขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้พ้นไป และโซนไห ศูนย์รวมไหที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในอาเซียน

      กิจกรรม DIY ในวันนี้เป็นการทำยาหอมระเหย ภูมิภูเบศรได้จัดเตรียม วัตถุดิบ อุปกรณ์ ในการทำยาหอมระเหยไว้อย่างพร้อมเพียง และมีวิทยากรบรรยายถึงสรรพคุณของยาหอมระเหย และสอนวิธีการทำอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ทำเสร็จแล้วนักท่องเที่ยวยังได้นำ้ยาหอมระเหยในสูตรของตัวเอง กลับบ้านคนละหนึ่งกระปุกด้วย

         เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร 

      ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2452 โดยท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นศิลปะแบบสถาปัตยกรรมยุคบาโรก เพื่อใช้เป็นที่ประทับแรมของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทรงสวรคตเสียก่อน จากนั้นตึกหลังนี้จึงใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ เมื่อครั้งเสด็จมณฑลปราจีนบุรี

     หลังจากเจ้าพระยาอภัยภูเบศรอสัญกรรม ตึกหลังนี้ตกเป็นของตระกูลอภัยวงศ์ และได้ถวายกรรมสิทธิ์ในตึกตลอดจนที่ดินรอบบริเวณให้กับพระนางเจ้าสุวัทนาฯ ซึ่งเมื่อพระองค์เสด็จตามเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาพระราชธิดาไปประทับที่ประเทศอังกฤษ จึงประทานที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดแก่มณฑลทหารบกที่ 2 จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อใช้เป็นสถานพยาบาลสำหรับทหารและประชาชนทั่วไป และต่อมาได้โอนมาเป็นของกรมสาธารณสุข จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลปราจีนบุรี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร 

         พ.ศ.2537 โรงพยาบาลจึงจัดทำโครงการพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย เพื่อให้เป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า อ้างอิงรวบรวมการอนุรักษ์ตำรายาไทย การแพทย์ไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งมีการดำเนินการเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากนายแพทย์ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้มีการจัดตั้งมูลนิธิหมื่นชำนาญแพทยา(พลอย แพทยานนท์) และได้ดำเนินการจัดส่วนแสดงนิทรรศการถาวร ประกอบด้วย1. ห้องแนะนำการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร 2. ห้องประวัติศาสตร์ 3. ห้องท้องพระโรง 4. ห้องการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร 5. ห้องปูมเมืองปราจีนบุรี 6. ห้องไม้กฤษณา 7. ห้องหมอหลวง(หมื่นชำนาญแพทย์) 8. ห้องเก็บตำรา 9. ห้องประวัติการพัฒนาสมุนไพรอภัยภูเบศร 10. ห้องประวัติโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร 11. ห้องโถงกลาง

       นั่งรถไฟ KIHA183 ชวนเที่ยวสัมผัสมนต์เสน่ห์ปราจีนบูรพาสุขทันทีที่เที่ยวกับการรถไฟไทยเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2567 สนใจนั่งรถไฟ KIHA 183 ทริปต่อไปจองตั๋วได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศหรือ D-Ticket สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1690 ตลอด 24 ชั่วโมงหรือโทร. 0812512207 0850658144 0626696441

Share this post